สัญญาณไฟที่แสดงบนแผงหน้าปัดเป็นการเตือนว่าเครื่องยนต์มีความผิดปกติ ซึ่งหลายๆคนคิดว่ารู้ความหมายดีแล้ว แต่นั่นอาจไม่ใช่ความหมายที่แท้จริง และยังมีหลายคนที่ไม่รู้จักสัญญาณไฟเตือนแต่ละตัวดีพอ ดังนั้นก่อนออกทริปช่วงวันหยุดยาวนี้ มาเช็คให้ชัวร์ สัญญาณไฟเตือนบนแผงหน้าปัดมีความหมายว่าอะไร
ก่อนอื่นมาดูความหมายของสีกันก่อน
- สัญญาณไฟเตือนสีเหลือง หมายถึง การเตือนให้ตรวจสอบ แต่ยังสามารถใช้งานได้อยู่
- สัญญาณไฟเตือนสีแดง หมายถึง ให้ตรวจสอบโดยทันที หรือหยุดใช้งานเพื่อความปลอดภัย
สัญญาณไฟเตือนระดับน้ำมัน
ก่อนออกเดินทางสิ่งสำคัญคือการเติมน้ำมันให้เต็มถัง เพื่อให้การเดินทางนั้นเป็นไปอย่างราบรื่น เพราะในเส้นทางที่ไม่ชำนาญ ไม่สามารถรู้ได้เลยว่าต้องเจอกับอะไรบ้าง ในกรณีที่สัญญาณไฟเตือนระดับน้ำมันแสดงขึ้นบนแผงหน้าปัด สามารถขับต่อไปได้ในระยะ 20-30 กิโลเมตร ระหว่างนั้นควรหาปั๊มน้ำมันที่ใกล้ที่สุด หรือจอดรถชิดซ้ายริมถนนเปิดไฟฉุกเฉินเพื่อเป็นสัญญาณว่ารถของคุณกำลังมีปัญหา หรือโทรแจ้งขอความช่วยเหลือไปกับสถานีวิทยุจราจรต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น จส.100 โทร 1137 หรือ สวพ.91 โทร 1644 เพื่อแจ้งเหตุเกี่ยวกับรถของคุณ ซึ่งทางวิทยุจะมีการแจ้งไปยังปั๊มน้ำมันหรือศูนย์บริการรถยนต์ใกล้เคียงมาความช่วยเหลือคุณได้
สัญญาณไฟเตือนระบบเบรค
หากสัญญาณไฟเตือนระบบเบรคแสดงขึ้นที่แผงหน้าปัด มีได้สองกรณี ในกรณีแรก คุณลืมปลดเบรคมือ ในกรณีที่สอง อาจเกิดจากการที่น้ำมันเบรคอยู่ในเกณฑ์ที่ต่ำกว่าปกติแต่สำหรับบางรุ่นสัญญาณไฟเตือนเบรคกับสัญญาณไฟเตือนเบรคมืออยู่แยกกัน โดยระบบเบรคจะเป็นเครื่องหมายตกใจ ส่วนเบรคมือ จะเป็นตัว P สามารถเช็คได้จากคู่มือรถของคุณ
สัญญาณไฟเตือนความร้อนของเครื่องยนต์
สัญญาณไฟเตือนความร้อนของเครื่องยนต์มีทั้งหมดสองแบบ แบบแรกคือดิจิตอล ไฟเตือนจะแสดงขึ้น และแบบที่สองแบบเข็ม หากชี้มาทาง H ( Hot = ร้อน ) เกินครึ่ง หมายความว่ามีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น อุณหภูมิของเครื่องยนต์สูงให้จอดรถในที่ปลอดภัย เพื่อพักเครื่องยนต์ เปิดผากระโปรงรถช่วยระบายความร้อน เมื่อความร้อนของเครื่องลดลง ให้เติมน้ำในหม้อน้ำ แต่หากน้ำอยู่ในระดับปกติ หมายความว่าเกิดปัญหากับระบบน้ำหล่อเย็นของเครื่องยนต์ ควรหาศูนย์บริการที่ใกล้ที่สุดเพราะหากฝืนใช้รถต่อ อาจทำให้เกิดการ Over Heat ( อุณหภูมิในเครื่องยนต์ร้อนสูงเกินขีดจำกัด ) ซึ่งสร้างความเสียหายกับเครื่องยนต์อย่างหนัก ดังนั้นก่อนออกเดินทางไม่ควรละเลยการเช็คน้ำในหม้อน้ำเด็ดขาด
สัญญาณไฟเตือนแบตเตอรี่
ขณะที่คุณกำลังออกเดินทางมีสัญญาณไฟเตือนแบตเตอรี่แสดงขึ้นบนแผงหน้าปัด หลายคนมักเข้าใจว่าเป็นการเตือนแบตเตอรี่ใกล้หมดเพียงอย่างเดียว แต่ความหมายที่แท้จริง คือ เกิดจากระบบไฟฟ้ามีปัญหาหรือไดร์ชาร์จเกิดความผิดปกติ ซึ่งไดร์ชาร์จนี้จะส่งผลต่อระบบการทำงานของแบตเตอรี่โดยตรง ทั้งสายพานไดร์ชาร์จหย่อน ไปจนถึงไดร์ชาร์จเสื่อมสภาพ สิ่งที่ต้องทำคือ ปิดวิทยุ แอร์ และระบบไฟฟ้าต่างๆ เพื่อให้แบตเตอรี่ยังพอมีไฟฟ้าอยู่ และหาศูนย์บริการที่ใกล้ที่สุด
สัญญาณไฟเตือนระบบเบรคป้องกันล้อล็อค ( ABS )
ขณะเบรคกระทันหัน รถจะเสียการทรงตัว ไถลไปตามพื้นถนน เพื่อลดโอกาสรถพลิกคว่ำหรือไถลตกข้างทาง ระบบ ABS ช่วยไม่ให้ล้อล็อค หากสัญญาณไฟเตือน ABS แสดงขึ้น หมายความว่าระบบมีปัญหา อาจไม่ทำงานขณะเกิดเหตุ ดังนั้นควรขับด้วยความระมัดระวัง และควรเอารถเข้าอู่หรือศูนย์บริการเพื่อตรวจสอบการทำงานให้เร็วที่สุดเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ
สัญญาณไฟเตือนกาน้ำมันเครื่อง
เมื่อสัญญาณไฟกาน้ำมันเครื่องเตือนจะต้องจอดรถดับเครื่องยนต์ทันที เพราะน้ำมันเครื่องไม่สามารถหมุนเวียนได้ในระบบมาจากมีหลายสาเหตุ เบื้องต้นอาจตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่อง หากพบว่าระดับน้ำมันเครื่องต่ำกว่าปกติ ต้องเติมให้อยู่ในระดับปกติ และเช็คดูอีกครั้งว่าสัญญาณไฟยังคงขึ้นอยู่หรือไม่ หากยังขึ้นอยู่อาจเกิดจากสาเหตุอื่นๆ เช่น มีการรั่วซึม ปั๊มน้ำมันเครื่องเสีย อ่างน้ำมันเครื่องทะลุ ซีลน้ำมันรั่ว หรือเซ็นเซอร์แรงดันเสีย ควรเอารถเข้าอู่หรือศูนย์บริการเพื่อตรวจสอบการทำงาน
สัญญาณไฟเตือนถุงลมนิรภัย
ถุงลมนิรภัยเป็นสิ่งสำคัญมากในการใช้รถ ถุงลมนิรภัยควรพร้อมในการทำงานทุกเมื่อที่เกิดอุบัติเหตุเพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสาร แต่ถ้าสัญญาณไฟเตือนนี้แสดงขึ้นควรนำรถไปตรวจเช็คให้เร็วที่สุด เนื่องจากการทำงานของถุงลมนิรภัยอาจมีปัญหา เพื่อปกป้องไม่ให้ถุงลมนิรภัยไม่ทำงานในขณะเกิดอุบัติเหตุ
สัญญาณไฟเตือนแต่ละตัวมีหน้าที่ที่สำคัญและทำงานแตกต่างกัน ทั้งหมดเตือนเพื่อให้เราทราบว่าการทำงานของเครื่องยนต์ผิดปกติ เมื่อรู้ความหมายแล้ว ควรเช็ครถก่อนออกเดินทางทุกครั้งเพื่อให้การเดินทางของคุณราบรื่น พักผ่อนในช่วงวันหยุดได้อย่างเต็มที่ และควรมองหาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ผลิตภัณฑ์อิเดมิตสึช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ให้ทุกๆการเดินทางของคุณปลอดภัยไร้กังวล
