เช็คให้ชัวร์เลือกน้ำมันเครื่องยังไงดี

เช็คให้ชัวร์เลือกน้ำมันเครื่องยังไงดี

น้ำมันเครื่องยนต์ เป็นสารหล่อลื่นที่จะช่วยยืดการใช้งานของเครื่องยนต์ แต่เมื่อถูกใช้งานแล้วจะเสื่อมสภาพลงต้องเปลี่ยนถ่ายตามระยะที่กำหนด เมื่อถึงระยะที่ต้องเปลี่ยนถ่ายหากต้องเลือกน้ำมันเครื่องเอง ควรเลือกซื้อน้ำมันเครื่องอย่างไรดีให้เหมาะกับเครื่องยนต์

สิ่งที่ต้องคำนึงในการเลือกน้ำมันเครื่อง ประเภทของน้ำมันเครื่อง มีทั้งหมด 3 ประเภท

1. น้ำมันเครื่องธรรมดา (Synthetic) ผลิตจากน้ำมันหล่อลื่นที่กลั่นจากน้ำมันปิโตรเลียม ใช้งานได้ประมาณ 3,000-5,000 กม.

2. น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ (Semi Synthetic) ผลิตจากน้ำมันหล่อลื่นธรรมดากับชนิดสังเคราะห์ ใช้งานได้ประมาณ 5,000-7,000 กม.

3. น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ (Fully Synthetic) ผลิตจากน้ำมันหล่อลื่นที่สังเคราะห์จากน้ำมันปิโตรเลียม ใช้งานได้ประมาณ 7,000-10,000 กม.

เกรดของน้ำมันเครื่อง Single Grad & Multi Grad

บนฉลากของน้ำมันเครื่องจะแสดงค่า ต่างๆ เช่น SM 10W-30 ซึ่ง SW มีความหมายคือ SM คือ ค่า API (American Petroleum Institute Standard) กำหนดโดยสถาบันปิโตรเลียมแห่งประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อเป็มาตรฐานสำหรับน้ำมันเครื่องแบบสากลทั่วโลก ตามมาตรฐาน API แบ่งเป็น

  • น้ำมันเครื่องยนต์เบนซินจะขึ้นต้นด้วย S เช่น API SM หรือ API SL
  • น้ำมันเครื่องยนต์ดีเซลจะขึ้นต้นด้วย C เช่น API CJ-4 หรือ API CI-4

มาตรฐาน API เครื่องยนต์เบนซิน แบ่งออกเป็น API SN มาตรฐานคุณภาพระดับสูงสุดของน้ำมันหล่อลื่นเครื่องยนต์เบนซิน ให้มาตรฐานประหยัดเชื้อเพลิงที่ดีขึ้น ป้องกันเทอร์โบชาร์จเจอร์ เข้ากับระบบควบคุมการปล่อยไอเสีย และเครื่องยนต์ที่ทำเพื่อรองรับน้ำมัน E85 ประกาศใช้เดือนตุลาคม ในปี 2010

  • API SM ประกาศใช้เมื่อปี 2010
  • API SL ประกาศใช้เมื่อปี 2004
  • API SJ ประกาศใช้เมื่อปี 2001

มาตรฐาน API เครื่องยนต์ดีเซล แบ่งออกเป็น CK-4 มาตรฐานคุณภาพระดับสูงสุดของน้ำมันหล่อลื่นเครื่องยนต์ดีเซล ประกาศใช้เมื่อปี 2017

CJ-4 ประกาศใช้เมื่อปี 2010
CI-4 ประกาศใช้เมื่อปี 2002
CH-4 ประกาศใช้เมื่อปี 1998

ความหนืด และการทนความเย็นของน้ำมันเครื่อง

SM 10W-30 ตัวเลขท้าย 10W-30 คือ ค่ามาตรฐานจาก SAE (The Society of Automotive Engineer) ซึ่งเป็นสมาคมวิศวกรรมยานยนต์แห่งประเทศสหรัฐอเมริกา

ค่า W คือ ค่าการทนความเย็นของน้ำมันเครื่อง น้ำมันเครื่องในเขตเมืองหนาว จะมีการวัดต่างออกไปอีกแบบ คือการวัดความต้านทานการเป็นไข โดยวัดตั้งแต่อุณหภูมิต่ำกว่า 20 องศาเซลเซียส ต่ำลงมาจนถึงจุดเยือกแข็งตั่งแต่ 0 องศา จนถึงต่ำกว่า – 30 องศาเซลเซียส โดยมีตัวอักษรระบุไว้เป็นตัวอักษร W หรือ WINTER ดังนี้

W = สามารถคงความข้นใสไว้ได้ต่ำกว่า -30 องศาเซลเซียส โดยไม่เป็นไข

5W = สามารถคงความข้นใสไว้ได้ถึง -30 องศาเซลเซียส โดยไม่เป็นไข

10W = สามารถคงความข้นใสไว้ได้ถึง -20 องศาเซลเซียส โดยไม่เป็นไข

15W = สามารถคงความข้นใสไว้ได้ถึง -10 องศาเซลเซียส โดยไม่เป็นไข

20W = สามารถคงความข้นใสไว้ได้ถึง 0 องศาเซลเซียส โดยไม่เป็นไข

ในประเทศไทยไม่มีอากาศที่หนาวเย็นถึงขนาดติดลบจึงไม่จำเป็นต้องกังวลตัวเลขด้านหน้า สามารถใช้ 20W ได้ไม่มีปัญหา

ตัวเลขชุดที่สอง 30 บอกถึงค่าความหนืดของน้ำมันเครื่องที่มีตั้งแต่ 60, 50, 40, 30, 20, 10 และ 5 โดยตัวเลขมีความหนืดมาก ตัวเลขน้อยมีความหนืดน้อยตามลำดับ โดยความหนืดของน้ำมันมีผลต่อการหล่อลื่นและช่วยลดการสึกหรอได้มาก โดยความหนืดที่เหมาะสมสำหรับเครื่องยนต์ทั่วไปอยู่ที่ 20-40

ค่าความหนืดต่ำ : สำหรับการใช้งานปกติ สภาวะอากาศปกติ และเครื่องยนต์ใหม่ แต่ก็ต้องเลือกความหนืดที่เหมาะสมไม่ให้ต่ำเกินไป เพราะทำให้น้ำมันไม่เกาะเป็นฟิล์ม และส่งผลต่อการสึกหรอของเครื่องยนต์

ค่าความหนืดสูง : สำหรับรถยนต์ที่ใช้งานอย่างหนัก, สภาวะอากาศร้อน, เครื่องยนต์เก่าที่ก่อให้เกิดการกินน้ำมันเครื่อง ซึ่งระดับนี้ควรจะมีค่าความหนืดสูงถึงระดับ 40

ข้อมูลที่นำมาบอกกันเป็นความรู้เกี่ยวกับน้ำมันเครื่องเล็กๆน้อยๆ สำหรับใครที่ต้องเลือกซื้อน้ำมันเครื่องเองที่มีขายตามท้องตลาดจะได้เลือกได้ถูกต้องและเหมาะสมกับรถให้มากที่สุด หากต้องการใช้น้ำมันเครื่องคุณภาพสูง เลือกน้ำมันเครื่องอิเดมิตสึ ที่ให้การปกป้องอย่างเต็มประสิทธิภาพ

Shopping Cart
Scroll to Top