หน้ายางสึกหรอ คนใช้รถไม่ควรมองข้าม

หน้ายางสึกหรอ คนใช้รถไม่ควรมองข้าม

การเปลี่ยนยางรถยนต์มักพ่วงมากับ ค่าใช้จ่ายที่สูงพอสมควร แต่ด้วยความจำเป็นในเรื่องของความปลอดภัยในการเดินทางก็ยากที่จะปฏิเสธได้ น้ำมันเครื่องอิเดมิตสึ จึงชวนให้มาดูแลรักษายางรถยนต์ เพื่อให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น แต่จะต้องสังเกตุอะไรบ้างมาดูกัน

1. การสึกหรอของหน้ายาง เนื่องจากการความดันลมยางที่ไม่เหมาะสม
  • การสึกหรอจากการเติมลมยางอ่อนเกินไป โดยปกติแล้ว ค่าลมยางที่เหมาะสมนั้น ได้ถูกระบุไว้คู่มือการใช้รถเป็นที่เรียบร้อย ถ้าหากว่าเราเติมลมยางอ่อนกว่าค่าที่กำหนดไว้มากๆ ก็จะส่งผลให้ หน้ายางไม่สามารถสัมผัสกับพื้นถนนได้อย่างเต็มที่ หากแต่เป็นแก้มยาง (Tire Side Wall) ที่กลายมาเป็นตัวรับภาระของน้ำหนักรถ แก้มยางทั้งฝั่งนอกและฝั่งใน จะถูกกดลงพื้นถนนโดยปริยาย เมื่อแก้มยางกลางมาเป็นตัวรับน้ำหนักรถแล้ว การสึกหรอก็จะเกิดขึ้นกับหน้ายางส่วนนอกทั้งสองข้าง และถ้าหากว่าเราสังเกตว่า หน้ายางของเรามีรูปแบบการสึกหรอในลักษณะนี้ แล้วก็ควรเติมลมยางเพิ่มเข้าไป ให้ตรงตามค่าแนะนำที่ผู้ผลิตรถยนต์ได้ระบุไว้ แต่ก็ไม่ควรเติมให้มากเกินไป เพราะจะทำให้เกิดการสึกหรอในรูปแบบต่อไปที่ผมกำลังจะพูดถึง
  • การสึกหรอจากการเติมลมยางมากเกินไป จะส่งผลให้หน้ายางมีความโค้งนูนมากกว่าปกติ พื้นที่สัมผัสระหว่างยางกับถนนจึงมีเพียงแต่พื้นที่ส่วนกลางของหน้ายางเท่านั้น เป็นผลให้ หน้ายางเกิดการสึกหรอแบบไม่เต็มหน้า หรือสึกแต่ตรงกลางนั่นเองครับ เพราะฉะนั้นแล้ว ความเชื่อที่หลายๆ คนพูดกันว่า ต้องเติมลมยางให้แข็งๆ จะช่วยประหยัดน้ำมัน …ก็จริงอยู่ครับ แต่ว่า…ค่าน้ำมันที่เราประหยัดได้ ต้องแลกมากับอัตราการสึกหรอของหน้ายางที่เร็วขึ้น …มันจะคุ้มไหมนะ? ต้องลองพิจารณากันใหม่
2. การสึกหรอของหน้ายาง เนื่องจากความผิดปกติของช่วงล่าง
  • การสึกหรอที่เกิดจากมุมแคมเบอร์มากเกินไป มุมแคมเบอร์หมายถึงมุมที่วัดระหว่างแนวเส้นศูนย์กลางยาง (แนวตั้ง) กับเส้นตั้งฉากของถนน ถ้าหากมุมดังกล่าวมีค่าเป็นศูนย์แล้ว เราจะเรียกการเซ็ทอัพนี้ว่า Zero Camber หรือแคมเบอร์เป็นศูนย์นั่นเอง ปกติแล้ว รถยนต์ใช้งานโดยทั่วไป จะเซ็ทอัพแคมเบอร์ให้เป็นศูนย์ หรืออาจจะเป็นค่าลบนิดๆ ซึ่งถ้าหากว่ารถของเรา ไม่ได้มีการตั้งศูนย์อย่างเป็นประจำ รวมไปถึงตั้งศูนย์มาอย่างไม่ถูกต้อง จะเป็นผลให้หน้ายางเกิดการสึกหรอแบบผิดปกติ โดยยางจะสึกแบบไม่สมมาตร หรือสึกเพียงแค่ฝั่งเดียวเท่านั้น
  • การสึกหรอที่เกิดจากมุมโทมากเกินไปมุมโท หมายถึงมุมที่วัดระหว่างแนวเส้นศูนย์กลางยาง (แนวตั้ง) กับทิศทางที่รถจะเคลื่อนที่นั่นเองครับ สำหรับมุมโทก็จะสามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภทเช่นเดียวกับมุมแคมเบอร์ นั่นก็คือ Toe-in, Toe-out และ Zero Toe (มุมโทเป็นศูนย์) สาเหตุของมุมโทที่ผิดเพี้ยนไปจากสเปคก็ได้ก็ เราไม่ได้ตั้งศูนย์เป็นประจำนั่นเองครับ (หรือช่วงตั้งค่าให้แบบผิดๆ) เมื่อมุมโทมีค่ามากเกินนั้น นอกจากจะส่งผลที่ไม่ดีต่อการตอบสนองของตัวรถแล้ว ยังทำให้หน้ายางเกิดการสึกหรอเร็วกว่าปกติอีกด้วย โดยการสึกหรอประเภทนี้ หน้ายางจะสึกเป็นบั้งๆ หรือเรียบไม่เท่ากันนั่นเอง นอกจากการสึกหรอในลักษณะนี้ จะเกิดขึ้นเมื่อมุมโทมีค่าผิดเพี้ยนแล้ว การขับขี่แบบเข้าโค้งความเร็วสูงเป็นประจำ หรือการขับขี่แบบปาดไป-ปาดมา ก็มีผลให้หน้ายางเกิดการสึกหรอในลักษณะนี้ด้วยครับ
  • การสึกหรอเนื่องจากโช๊คอัพเสียหาย ปกติแล้ว สปริงจะเป็นตัวรับแรงกระแทกจากถนน ส่วนโช๊คอัพ หรือ ช๊อคอัพ นั้น จะทำหน้าที่ หน่วง ให้ยางกลับมาสัมผัสกับพื้นถนนเร็วที่สุด ถ้าหากว่าโช๊คอัพเกิดการรั่วซึมหรือเสียหาย จะส่งผลให้ล้อและยางเกิดการกระเด้งอย่างต่อเนื่อง จนทำให้หน้ายางเกิดการสึกหรอแบบเป็นวงๆการสึกหรอเนื่องจากโช๊คอัพพังนี้ จะทำให้หน้ายางสึกหรอมากที่สุดในทุกรูปแบบที่ผมกล่าวมา เพราะฉะนั้นแล้ว ถ้าหากสังเกตเห็นว่าโช๊คอัพมีการรั่วซึม หรือรถมีการกระเด้งผิดปกติ ให้รีบหาร้านซ่อมโช๊คอัพ หากฝืนขับไปนานๆ อาจเสียเงินเปลี่ยนยางเพิ่มอีกแน่นอน

รูปแบบการสึกหรอของหน้ายางที่เกิดจากช่วงล่างและความดันลมยางที่ไม่พอดี หากเจอปัญหา อย่าลืมแวะไปเช็คหน้ายางของรถยนต์ ว่าสึกหรอแบบไหน เพื่อที่แก้ไขโดยเร็ว เพราะหน้ายางที่สึกหรอรูปแบบผิดปกตินั้น หมายความ ยางของเราไม่สามารถสร้างแรงยึดเกาะได้อย่างเต็มที่ ส่งโดยตรงต่อสมรรถนะการขับขี่ และความปลอดภัย การละเลยกับเรื่องเล็กๆ ที่จะนำมาสู่ปัญหาใหญ่ภายหลัง

Shopping Cart
Scroll to Top