การเลือกเบอร์น้ำมันเครื่องสำคัญอย่างไร

การเลือกเบอร์น้ำมันเครื่องสำคัญอย่างไร

หากเลือกเบอร์น้ำมันเครื่องที่ไม่สอดคล้องกับความต้องการหรือการใช้งานของเครื่องยนต์ การทำหน้าที่ป้องกันการเสียดสีระหว่างชิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์จะมีประสิทธิภาพลดลง ส่งผลให้มีการสึกหรอ และทำให้น้ำมันเครื่องพร่องเร็วกว่าปกติ อีกทั้งยังส่งผลต่อสมรรถนะอัตราการเร่งและอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงอีกด้วย

ในมาตรฐาน SAE (Society of Automotive Engineer: SAE) ซึ่งเป็นมาตรฐานของสมาคมวิศวกรรมยานยนต์ของสหรัฐอเมริกา จะมีการแบ่งตัวเลขออกเป็น 2 ชุด

เลขชุดหน้า จะแสดงถึงการวัดค่ามาตรฐานในเขตหนาว W (WINTER) โดยวัดค่าต้านทานการเป็นไข ตั้งแต่ 20 องศาเซลเซียส ต่ำลงไปจนถึงจุดเยือกแข็งหรือ 0 องศาและต่อไปถึง -30 องศาเซลเซียส
เช่น 0W คือ ความสามารถคงความข้นใสไว้ได้ต่ำกว่า -30 องศาเซลเซียส โดยไม่เป็นไข

เลขชุดหลัง แสดงถึงการวัดค่าความหนืดที่อุณหภูมิ 100 องศาเซลเซียส แทนค่าออกมาเป็นตัวเลขต่าง ๆ หรือที่เรียกว่า เบอร์น้ำมันเครื่องนั่นเอง โดยตัวเลขที่มากขึ้น จะหมายถึงความหนืดน้ำมันที่มากขึ้น

การเลือกเบอร์น้ำมันเครื่องนั้น เบื้องต้นสามารถประเมินได้จากอายุการใช้งานของเครื่องยนต์รวมถึงลักษณะการใช้งาน

ยกตัวอย่างเช่น หากเป็นรถใหม่ ควรเลือกเบอร์น้ำมันที่มีความหนืดต่ำทั้งเลขข้างหน้าและเลขข้างหลัง เพื่อให้น้ำมันสามารถเข้าถึงชิ้นส่วนต่างๆ ของเครื่องยนต์ได้อย่างทั่วถึง หรือรถที่มีการใช้งานหนักก็ควรเลือกเพิ่มความหนืดของเลขข้างหลังให้มากขึ้น เพื่อเพิ่มความหนาในการป้องกันการเสียดสีของชิ้นส่วนเครื่องยนต์

เลือกใช้น้ำมันเครื่องคุณภาพสูง ไว้ใจ IDEMITSU

  • IDEMITSU SN SAE 0W-20 FULLY SYNTHETIC ขนาด 4 ลิตร
  • IDEMITSU SN SAE 5W-30 FULLY SYNTHETIC ขนาด 4 ลิตร
  • IDEMITSU SN SAE 5W-40 FULLY SYNTHETIC ขนาด 4 ลิตร
Shopping Cart
Scroll to Top