อิเดมิตสึตัวจริงน้ำมันเครื่อง

ทำไมรถกระบะต้องใส่ใจเรื่องน้ำมันเฟืองท้ายมากกว่ารถเก๋ง

ระบบเฟืองท้ายทำงานหนัก น้ำมันเฟืองท้ายจึงสำคัญ

 

รถกระบะ = งานหนัก

รถกระบะถูกออกแบบมาให้รับภาระมากกว่ารถเก๋ง เช่น

  • บรรทุกของหนัก
  • ลากพ่วง
  • ขับทางชัน
  • ใช้งานบนสภาพถนนที่สมบุกสมบัน
  • ระบบขับเคลื่อนมักเป็น ขับหลัง (RWD) หรือ 4WD

ทั้งหมดนี้ทำให้ ระบบเฟืองท้ายรับแรงบิดมหาศาล มากกว่ารถเก๋งอย่างชัดเจน
น้ำมันเฟืองท้ายจึงทำงานหนักกว่า และจำเป็นต้องมีคุณภาพสูงกว่าเพื่อรองรับแรงกดและแรงเสียดทานที่เกิดขึ้นตลอดการใช้งาน

1. ระบบขับเคลื่อนของรถกระบะทำงานหนักกว่า

รถเก๋งส่วนใหญ่เป็น ขับเคลื่อนล้อหน้า (FWD) ซึ่งเฟืองท้ายรวมอยู่กับเกียร์และใช้น้ำมันเกียร์ร่วมกันแต่รถกระบะส่วนใหญ่เป็น

  • RWD (ขับหลัง) → เฟืองท้ายรับแรงบิดเต็ม ๆ
  • 4WD → มีทั้งเฟืองหน้า + เฟืองหลัง + Transfer Case

รถกระบะจึงมี ชิ้นส่วนขับเคลื่อนมากกว่า และเฟืองท้ายต้องหมุนภายใต้แรงบิดสูงอย่างต่อเนื่อง

2. การบรรทุกทำให้เฟืองท้ายเครียดขึ้นหลายเท่า

การบรรทุกของหนักเพิ่ม “โหลด” ให้กับล้อหลังโดยตรง
แรงบิดจึงต้องมากขึ้น → เกิดแรงกดที่ เฟืองท้ายและเพลา มากขึ้น
ถ้าน้ำมันเฟืองท้ายเสื่อม →

  • เฟืองสึกเร็ว
  • แบริ่งร้อนจัด
  • เกิดเสียงหอนท้าย

ซึ่งเป็นปัญหาที่พบในรถกระบะบ่อยกว่ารถเก๋งอย่างมาก

3. รถกระบะใช้ในสภาพท้องถนนที่โหดกว่า

รถกระบะถูกใช้ในสภาพที่ทำให้เฟืองท้ายทำงานหนัก เช่น

  • ขับทางเขา
  • ถนนลูกรัง
  • ขึ้น-ลงทางชัน
  • ลุยน้ำ / โคลน

ซึ่งทำให้ความร้อนในเฟืองท้ายสูงกว่าปกติ
น้ำมันเฟืองท้ายที่ไม่มีคุณภาพหรือเสื่อมสภาพเร็วจะปกป้องเฟืองได้ไม่พอ → สึกหรอไวมาก

4. เฟืองท้ายรถกระบะต้องใช้มาตรฐานน้ำมันสูงกว่า

ส่วนใหญ่ต้องใช้มาตรฐาน API GL-5
เพราะ GL-5 ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับแรงกดสูง (Extreme Pressure)
แตกต่างจากรถเก๋งที่มักใช้ GL-4 หรือเกรดเบากว่า

น้ำมันเฟืองท้ายผิดสเปก = เฟืองท้ายสึกก่อนเวลาแน่นอน

5. อาการ “เสียงหอนท้าย” เกิดในรถกระบะบ่อยกว่ารถเก๋ง

เพราะแรงกดต่อเฟืองและแบริ่งสูงกว่า
อาการที่สังเกตได้ เช่น

  • หอนเมื่อวิ่ง 60–80 กม./ชม.
  • หอนหนักเมื่อลดคันเร่ง
  • รู้สึกแรงสั่นสะเทือนมาในห้องโดยสาร

ส่วนใหญ่มาจากน้ำมันเฟืองท้ายเสื่อม สกปรก หรือความหนืดไม่พอ

 

สรุป ทำไมรถกระบะต้องใส่ใจน้ำมันเฟืองท้ายมากเป็นพิเศษ

รับแรงบิดสูงกว่า

  • บรรทุกหนัก/ลากของ
  • ใช้งานบนสภาพถนนสมบุกสมบัน
  • ระบบเฟืองท้ายทำงานหนักมาก
  • ต้องใช้น้ำมันเฟืองท้ายมาตรฐาน GL-5
  • หากละเลย → เฟืองสึก เสียงหอน และค่าซ่อมหลักหมื่น—หลักแสน

ดังนั้น “การเปลี่ยนน้ำมันเฟืองท้ายตรงเวลา” คือการปกป้องระบบขับเคลื่อนของรถกระบะในระยะยาว

 

น้ำมันเฟืองท้ายจาก Idemitsu ที่เหมาะกับรถกระบะ

น้ำมันเฟืองท้ายของ Idemitsu ถูกออกแบบเพื่อรองรับแรงกดสูงของเฟืองท้ายรถกระบะและรถ 4WD โดยเฉพาะ

รุ่น มาตรฐาน / ความหนืด จุดเด่น เหมาะกับรถประเภท
IDEMITSU GEAR GL-5 80W-90 GL-5 / Fully Synthetic ทนแรงบิดสูง ลดการสึกหรอของเฟืองท้าย ใช้งานหนักได้ดี รถกระบะ / รถ SUV / รถ 4WD
IDEMITSU GEAR GL-5 80W-90 LSD สำหรับเฟืองท้าย LSD ลดเสียง ลื่นไหล ไม่สะดุด รถกระบะหรือรถ 4WD ที่มีระบบ Limited Slip

 

บทสรุป

รถกระบะมีภาระการใช้งานหนักกว่ารถเก๋งหลายเท่า
ดังนั้น การดูแลน้ำมันเฟืองท้ายจึงเป็นสิ่งที่ ผู้ใช้รถกระบะควรให้ความสำคัญมากเป็นพิเศษ
เลือกน้ำมันที่มีมาตรฐานเหมาะสมและเปลี่ยนตามระยะ จะช่วยให้ระบบขับเคลื่อนแข็งแรง ยืดอายุการใช้งาน และลดค่าใช้จ่ายในอนาคตได้มาก

และหากต้องการน้ำมันคุณภาพสูงจากประเทศญี่ปุ่น — Idemitsu Gear Oil คือหนึ่งในตัวเลือกที่ตอบโจทย์ทั้งการบรรทุกหนักและการขับลุยทุกสภาพถนน

ภาษา :

เลือกประเภทรถของคุณ

Vehicle type
Brand
Model

หมวดหมู่สินค้า